สัตว์เลี้ยงที่ฉันชอบ
สัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก
แมว เป็นสัตว์เลี้ยงที่ฉันชอบมากๆและเพื่อนทุกคนก็ชอบมันเหมือนกันใช่ไหมค่ะเพราะมันเป็นสัตว์ที่น่ารักและชอบเล่นกับเจ้าของของมันบางครั้งเจ้าเหมียวก็ใช้พฤติกรรมก้าวร้าวเพื่อเรียกร้องความสนใจสาเหตุที่เจ้าเหมียวก้าวร้าวอาจ เป็นเพราะได้รับการพะเน้าพะนอมากเกินไปจนเสียแมวนั่นเอง การแสดงออกถึงพฤติกรรม ที่ก้าวร้าวของมันก็อย่างเช่น ทำเสียงขู่ ทำตัวงอแล้วพองขนจนชัน หรือข่วน เพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่หลายคนอาจจะคิดแค่ว่า.มันก็น่ารักดี แต่ถึงอย่างไรเจ้าเหมียวก็เป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายทำตามคำสั่งตามเจ้าของของมันที่สั่งทุกอย่าง แมว ในความคิดของฉันเห็นว่ามันเป็นสัตว์ที่แสนน่ารัก เล่นกับมันรู้สึกสนุกเพลินกับอารมณ์ของมันและเป็นสัตว์ที่เชื่อฟังคำสั่งทุกอย่างที่เราได้ฝึกมันเอาไว้และเป็นสัตว์เลี้ยงที่มอง แล่น กับมันแล้วช่างเป็นสัตว์ที่ฉลาดและแสนน่ารักเป็นอย่างมาก

แมว เป็นสัตว์เลือดอุ่นที่มีที่มีรูปร่างเพรียว มีหางยาว และบังคับหางได้ มีใบหน้าที่เรียวและโครงหน้าแหลมเช่นเดียวกับเสือและสัตว์อื่น ๆ ในวงศ์เดียวกัน เป็นสัตว์ที่มีเล็บแหลมคม และมีตาที่สามารถมองเห็นในเวลากลางคืนได้ดี แมวจะนอนหลับในเวลากลางวัน และตื่นในเวลากลางคืน
ตกจากที่สูง
แมวเป็นสัตว์ที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่ไม่มีในสัตว์ประเภทอื่น คือ ความสามารถของแมวเมื่อตกจากที่สูง ซึ่งพบว่าแมวแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยหรือบาดเจ็บก็เพียงเล็กน้อย เพราะแมวสามารถพลิกตัวกลับกลางอากาศได้และลงในท่วงท่าที่ปลอดภัยที่สุด ในลักษณะของหลักการโมเมนตัม เนื่องจากแมวสามารถบิดตัวเองได้โดยใช้พลังงานจากกล้ามเนื้อ โดยจะหมุนขาคู่หน้าไปในทิศทางลงพื้นก่อน โดยจะหดขาคู่หน้าลงและยื่นขาหลังออก เมื่อแมวยืดขาหลังออก ส่วนขาหน้าหดลง การหมุนในสองทิศทางนี้จึงมีปริมาณไม่เท่ากัน โดยขาคู่หน้าหมุนได้เร็วกว่าขาคู่หลัง ขณะที่กำลังตกแมวจะคอยปรับแต่งโมเมนตัมความเฉื่อย โดยการหดและยืดขา จนหงายกลับมาในตำแหน่งที่เท้าลง เมื่อถึงพื้นขาจึงลงก่อนและช่วยให้ปลอดภัยมีการทดสอบด้วยการโยนแมวจำนวน 132 ตัว ตกจากตึกที่มีความสูงตั้งแต่ 2-32 ชั้น พบว่า 67 % ของแมวที่ตกลงมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อได้รับการรักษาพบว่ามีถึง 90 % ที่จะหายเป็นปกติ ซึ่งจากการที่แมวตกจากที่สูงโดยไม่เป็นอันตรายแบบนี้นั้น จึงมีสำนวนในภาษาไทยเรียกว่า "แมว 9 ชีวิต" อันหมายถึง บุคคลที่ผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้งแล้วยังมีชีวิตรอดมาได้ เช่นเดียวกับแมวนี่เอง
|
พฤติกรรมแมว
หู เป็นจุดที่ไวมาก หูจะถูกยกยื่นไปข้างหลัง เป็นการเตือนที่จะสู่โจมศัตรูในกรณีที่หู โค้งกลับและถูกดึงให้ต่ำลงข้างๆ เป็นสัญญาณของการป้องกันตัวและพร้อมที่จะต่อสู้
เป็นเสียงที่รู้จักกันดี อาจเกิดขึ้นจากที่ลูกแมวถูกปล่อยทิ้งตามลำพัง หรือไม่มีความสุข ลูกแมวจะเปล่งเสียงนี้เมื่อมันหลุดออกจากลังหรือกำลังหนาว ถ้าแม่แมวมารบกวนในขณะที่หลับ เป็นสัญญาณความไม่พอใจ ขาดการเอาใจใส่ดูแล และรวมไปถึงการเรียกของทั้ง 2 เพศ
เมื่อแมวตกอยู่ในสภาพเครียดมาก ๆ มันจะแสดงความโกรธโดยการส่งเสียงแหลม ซึ่งเสียงนี้ เรียกว่า "เสียงเพื่อป้องกันตัว" จะแสดงออกมาถี่ ๆ นอกจากนี้เสียงร้องที่สูงและต่ำ เป็นการแสดงถึงการจับคู่กันด้วย
จะเกิดขึ้นโดยการยกมุมปาก การคำรามอย่างเต็มกำลังซ้ำ ๆ กันแสดงถึงความจริงจัง แมวใหญ่จะทำกันมากเป็นพิเศษ
เป็นการทำเสียงในระดับสูง แสดงถึงมิตรภาพยินดีจะเป็นเพื่อนด้วยและอาจจะมีการร้องเหมียวเบา ๆ อาจหมายถึงการสนทนาอย่างเป็นกันเอง
การส่งสัญญาณประเภทนี้จะให้เกิดผลได้ดีเมื่อแมว 2 ตัวได้สัมผัสกันทั้งโดยตรง และโดยทางอ้อม ต่อมกลิ่นที่อยู่ใต้ผิวหนังบริเวณแก้ม คาง เท้าและโคนหาง จะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนออกมา โดยเฉพาะในแมวตัวเมียนึ้นจะผลิตฮอร์โมนติดต่อกันเป็นวัฏจักร การถูสัมผัสกันกับแมวตัวอื่น โดนใช้หัว คาง สีข้าง แก้มตลอดจนการใช้ลำตัวไปถูใต้คางของ อีกตัวหนึ่ง ก็เป็นการ สื่อสารแบบหนึ่งด้วย ในแมวตัวผู้มีการปล่อยกลิ่นเพื่อแสดงอาณาเขตของมันเองโดยมักจะชูหางขึ้นและแกว่งไปมา พร้อมทั้งปล่อยของเหลวที่มีกลิ่นออกจากต่อมใต้โคนหาง แมวอาจปล่อยกลิ่นไว้ตาม กำแพง กิ่งและพุ่มไม้ หรือ อาณาเขตของมันโดยทั่วไป กลิ่นจะคงอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ หรือ มากกว่านี้เล็กน้อย และในไม่ช้าก็จะจางไปแต่ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศด้วย หลังจากการต่อสู้ผู้ชนะจะปล่อยกลิ่นหลาย ๆ ครั้งในบริเวณนั้น นอกจากจะแสดงว่า เป็นอาณาเขตของมันแล้ว ยังแสดงถึงความมั่นใจและความแข็งแรงของมันอีกด้วย ฝ่ายที่แพ้ไป นั้นก็จะปล่อยกลิ่นเหล่านี้ในภายหลังโดยจะระมัดระวังไม่ให้ฝ่ายชนะเห็น
กิริยาท่าทางที่แมวแสดงออก
เมื่อแมว 2 ตัวที่ไม่ได้เคยรู้จักกันมาก่อนเลยและมาเผชิญหน้าจะติดต่อทำความรู้จักกัน โดยการยึดหัวที่ตั้งตรงไปข้างหน้า และเมื่อตัวใดตัวหนึ่งรู้สึกว่าเด่นกว่าจะเชิดหัวสูงขึ้นไปอีก ส่วนตัวที่รู้สึกว่าด้อยกว่าจะก้มหัวต่ำลง
ถ้าลำตัวยึดตรง แสดงถึงความมั่นใจและพร้อมที่จะจู่โจมศัตรู ในกรณีที่ลำตัวโค้งงอหรือหลังโก่ง แสดงถึงว่าแมวกลัว และพร้อมที่จะจู่โจมได้ทันที
หางเป็นเครื่องบ่งบอกอารมณ์ของแมวได้เป็นอย่างดี ถ้าหางนั้นเคลื่อนไหวเป็นคลื่นและสบัดจาก ทางหนึ่งไปยังอีกทางหนึ่ง แสดงถึงมีความตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อแมวต้องการแสดงความเป็นมิตร แต่ถ้ามันสบัดหางขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงถึงการขู่ แล้วพร้อมที่จะจู่โจม
เมื่อแมวอยู่ในภาวะกำลังกลัว ขนจะตั้งชันทั้งตัว ในกรณีที่ขู่หรือเตรียมจะตะปบเหยื่อ ขนจะตั้งขึ้นเพียงเล็กน้อยตามส่วนที่ยื่นออกมาจากลำตัวและหาง
ประสาทสัมผัสของแมว
วิธีการล่าเหยื่อของแมว มีท่าทางการจ้องมองด้วยดวงตาทั้งสองข้างพร้อมทั้งการได้ยิน ของเสียงด้วยระบบการได้ยินของใบหูทั้งสองส่วนจัดสัมพันธ์กันเป็นองค์ประกอบด้านสื่อ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ได้ดีเป็นพิเศษ แต่แมวไม่สามารถที่จะแยกแยะในส่วนของสี ที่จะช่วยให้มันมองเห็นเป็นรูปร่างได้ทันที เนื่องจากหลังม่านกระจกแก้วตาแมวนั้นมีสิ่งกีดขวาง จึงไม่ช่วยให้แมวมองเห็นวัตถุได้อย่างใกล้ชิด การที่ลูกนัยน์ตาแมวทั้งสองข้างมองเห็นได้นั้นเกิดจาก การควบคุมของระบบประสาทจึงทำให้มันมองเห็นภาพในระยะไกลได้ดีกว่าระยะใกล้ ลูกตาของแมวสามารถเคลื่อนมองได้กว้างถึง 205 องศา ทำให้แมวมองได้รอบทั่วบริเวณ ที่แคบๆ ส่วนบริเวณพื้นที่กว้างๆ การเคลื่อนไหวของรูปร่างจะทำได้เพียงเล็กน้อยเนื่องจาก ระบบการมองเห็นที่ไม่อำนวยต่อมันนั่นเอง
แมวได้ถูกพัฒนาความสามารถในระบบการรับรู้กลิ่นได้ดีเป็นอย่างยิ่ง สำหรับลูกแมวที่เกิดใหม่ ก่อนที่มันจะลืมตาได้นั้นมันจะใช้กลิ่นเป็นตัวนำเพื่อให้มันสามารถดูดนมแม่ได้ถึงแม้ว่าตายังไม่เปิด บริเวณหน้าผากของแมวจะมีต่อมผลิตกลิ่นพิเศษที่เรียกว่า สารฟีโรโมส์(Pheromose)เป็นกลิ่นเฉพาะ ของมัน การที่เราเห็นแมวชอบเอาศีรษะมาถูหรือสัมผัสกับคนเราหรือสิ่งของใดๆนั้น แสดงว่า มันได้ปล่อยกลิ่นของมันไว้ มันจึงแยกแยะรับรู้จากกลิ่นต่างๆที่เกิดขึ้นมาแล้วได้ การปล่อยกลิ่นไว้ในที่ต่างๆ ก็สามารถใช้แสดงความเป็นเจ้าของในสิ่งนั้นของมันได้ด้วย แมวเป็นสัตว์ที่มีการรับรู้ที่ดี มันจะร่าเริงในช่วงที่อากาศอบอุ่นหรือได้รับไอแดด ซึ่งเป็นกลิ่นที่มันปรารถนา การที่เราเห็นแมวนั่งอยู่บริเวณประตูหรือหน้าต่างบ่อยๆก็เพื่อ สูดดมเอากลิ่นไอแดดมาปะทะเข้าจมูกมันนั่นเองแต่กลิ่นที่ได้รับนั้นไม่สามารถกระตุ้นด้วยบริเวณจมูก แต่อากาศที่เข้าสู่จมูกจะถูกดึงดูดขึ้นไปตามท่อรูจมูกบริเวณศีรษะผ่านไปสู่ฟันกรามด้านบน แล้ววนไปสู่ระบบประสาทที่สามารถรับรู้กลิ่นได้ เป็นลักษณะเช่นเดียวกับการรับรู้กลิ่นของสัตว์ประเภทงู
แมวสามารถรับฟังเสียงที่มีอัตราความถี่ประมาณ 30-45,000 Hertzโดยเป็นระยะทาง กว้างไกลกว่าคนซึ่งได้ยินเพียง2,000-5,000Hertz หูของแมวจะมีสันโค้งเป็นจุดรวมการกรอง ของเสียงลักษณะใบหูจะมีขบวนการรับฟังเสียงที่มากระทบโสตประสาทบริเวณหูได้สูงมากในบริเวณ ต้นแหล่งของการเกิดเสียงสะท้อนแมวที่เราเลียงอยู่ในบ้านนั้นสามารถแยกเสียงฝีเท้าเดินของคนในบ้าน และคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้านได้ด้วย
แมวมักจะใช้อุ้งฝ่าเท้าส่วนหน้าในการจำแนกหรือวินิจฉัยวัตถุนั้นๆ โดยมีจมูกเป็นตัวกระตุ้น ที่สำคัญในการสัมผัส แมวสามารถมีแรงผลักดันของการรับรู้ในบริเวณช่วงขนที่ขึ้นยาว คือ หนวด คิ้ว และช่วงขนที่เป็นเส้นยาวบริเวณหลังอุ้งฝ่าเท้าคู่หน้าหนวดประเภทนี้จะช่วยให้มันทราบ ตำแหน่งที่ว่างของการรับรู้จากภายในตัวไปสู่บริเวณตำแหน่งของวัตถุได้ภายในไม่เกิน 1 นาที
อุปนิสัยของแมว
3. ทำไมแมวจึงชอบที่จะข่วนเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน พฤติกรรมการข่วนของแมวนั้น เกิดจากเหตุผลหลายอย่าง ประเด็นแรกนั้นการข่วนเป็นการฝนเล็บให้สวยงาม และแมวก็มีความสุขที่ได้ทำเช่นนั้น อีกทั้งพฤติกรรมนี้ยังเป็นการสร้างอาณาเขตของตัวเอง เพื่อป้องกันผู้บุกรุก แมวมักจะข่วนเป็นแนวตรงกับเสาหรือต้นไม้ ดังนั้น เราจึงควรจัดเตรียมที่ไว้ให้เป็นสัดส่วน สำหรับการฝนเล็บของแมว โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปที่อื่น